วันพฤหัสบดีที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2557

อุปกรณ์ เบเกอรี่ สำหรับมือใหม่


การที่มือใหม่จะเริ่มต้นทำขนมเบเกอรี่นั้นไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลยเพราะต้องคิดถึงส่วนผสม และองค์ประกอบสำคัญต่างๆ รวมไปถึงอุปกรณ์เบเกอรี่ที่จำเป็นซึ่งเป็นเครื่องมือที่ใช้ทำขนม  
และตำรางต่างๆ ในการทำขนมเบเกอรี่ เพื่อให้เกิดความแน่ใจว่าได้เรียนรู้สูตรทำขนมดีดีได้อย่างถูกต้อง วันนี้เราจะมาดูกันว่าอุปกรณ์ที่สำคัญๆ นั้นมีอะไรบ้างและใช้ทำอะไร
อุปกรณ์เบเกอรี่ที่จำเป็นอย่างมากสำหรับมือใหม่
ไม้คลึงแป้ง: ใช้สำหรับคลึงแป้ง หรือคุกกี้ให้เป็นแผ่นบางๆ ควรเลือกที่มีน้ำหนักพอประมาณไม่หนักมากเกินไป ซึ่งคุณสามารถใช้ขวดขวดแก้วที่มีพื้นเรียบแทนก็ได้
ถาดและพิมพ์: ถือเป็นอุปกรณ์หลักๆ ที่จำเป็นต้องใช้ควรเลือกที่เป็นสแตนเลส ที่สามารถถอดก้นได้ ซึ่งก็จะแยกออกเป็นสองรูปแบบคือ แบบพิมพ์กลม จะมีขนาด 1-2 ปอนด์ และแบบถาดเหลี่ยม ขนาด 6 x 6 นิ้วขึ้นไป
ที่กดคุกกี้: จะมีลักษณะเป็นห่วง ควรเลือกที่เป็นสแตนเลส เพราะมีความคงทนสูง ไม่ชำรุดได้ง่าย ทำให้ขนมดูสวยงาม
กระบอกกดคุกกี้: เป็นทรงกระบอกมีหัวกด และมีแผ่นลายปกติแล้วการใช้กระบอกกดนี้ กับส่วนผสมคุกกี้ที่ข้นเหลว ที่ไม่มีส่วนผสมอื่นๆ ปนอยู่เช่นธัญญพื้ช เพราะจะทำให้ติดกระบอกพิมพ์ได้
แปรงทาใข่และน้ำเชื่อม: เป็นอุปกรณ์ที่ใช้ในการทาไข่และน้ำเชื่อม หรือนมข้น ในการตกแต่งหน้าขนม ควรเลือกเป็นขนสีขาวเพราะทำความสะอาดได้ง่าย
เตาอบ หรือ ตู้อบ: มีให้เลือกหลายแบบขึ้นอยู่กับความต้องการของคุณเองว่าชอบแบบไหน เช่น แบบไฟฟ้า แบบแก๊ช หรือแบบน้ำมัน แบบชั้นหรือแบบหมุน สำหรับมือใหม่แล้วควรเลือกซื้อขนาดกลางก็เพียงพอแล้ว การเลือกนั้นก็ควรเลือกที่สามารถตั้งอุณหภูมิ และตั้งเวลาได้จะดีที่สุด
ตะแกรงพักขนม: ควรเลือกที่ทำจากสแตนเลส เพราะทำความสะอาดง่าย เพื่อใช้ในการพักขนมที่ออกจากเตาใหม่ๆ เพียงคุณมีอุปกรณ์ เบเกอรี่เท่านี้ก็สามารถทำขนมทานเองได้ง่ายๆ โดยเป็นการฝึกฝีมือก่อนการลงมือทำจริงๆ เพื่อขายต่อไปได้แล้ว

วันอาทิตย์ที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2557

อุปกรณ์ ขนมเบเกอรี่ เลือกซือ้ได้อย่างสะดวก 24 ชม


                อุปกรณ์ขนมเบเกอรี่ สมัยนี้มีความหลากหลายและหาซื้อได้ง่ายทั้งตามร้านขาย อุปกรณ์ ทำเค้ก  โดยตรง รวมถึงในโลกของ Social Network ก็มีการจำหน่ายอุปกรณ์ ขนมเบเกอรี่เช่นกัน นอกจากอุปกรณ์ ขนมเบเกอรี่จะหาซื้อได้ง่ายแล้ว เทคโนโลยีที่แปลกใหม่ก้าวเข้ามาทำให้อุปกรณ์ ขนมเบเกอรี่นั้นมีการพัฒนาและหลากหลายมากขึ้น จากเมื่อก่อนการทำเบเกอรี่ที่ผ่านความร้อนนั้นต้องใช้เตาอบตัวใหญ่ๆเท่านั้น แต่ในตอนนี้ก็มีเตาอบตัวเล็กๆหลายขนาดแล้วแต่ความเหมาะสมกับเรา มีเครื่องทำแซนวิซ เครื่องทำวาฟเฟิล เครื่องทำโดนัท รวมถึงในญี่ปุ่นนั้นก็ออกแบบผลิตภัณฑ์จำพวกทำเบเกอรี่ในไมโครเวฟอีกด้วย ซึ่งนับว่าน่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว
                อุปกรณ์ขนมเบเกอรี่ นั้นจะต่างกันไปตามชนิดสัญชาติของเบเกอรี่ที่ทำ ยกตัวอย่างเช่น เบเกอรี่สัญชาติไทยหรือขนมไทยมักจะเป็นขนมที่ผ่านการนึ่งหรือต้ม (พวกแกงบวดต่างๆ) ใช้กะทิเป็นองค์ประกอบหลัก มักจะนิยมใช้วัตถุดิบธัญพืชที่มีประโยชน์และแต่งกลิ่นด้วยมะลิ ใบเตย,เบเกอรี่สัญชาติฝรั่งเศส จะเป็นขนมที่ผ่านการอบ ทั้งพวกเค้กหรือขนมปัง จะเน้นความหนักแน่นของรสสัมผัส หอมกลิ่นเนยคุณภาพดี มักแต่งกลิ่นด้วยวนิลาซึ่งมีทั้งวนิลาฝักแท้หรือกลิ่นสังเคราะห์,เบเกอรี่สัญชาติญี่ปุ่น จะมีทั้งนึ่ง ต้ม อบ ซึ่งจุดเด่นของเบเกอรี่สัญชาตินี้คือจะมีรสสัมผัสทางบางเบา หวานน้อย เน้นการดึงรสชาติดั้งเดิมของตัววัตถุดิบที่นำมาทำ

                อุปกรณ์ขนมเบเกอรี่ นั้นมีราคาตั้งแต่ราคาไม่สูงที่เหมาะกับผู้เริ่มต้นไปจนถึงราคาสูงที่เหมาะกับมืออาชีพ ซึ่งหากเราเป็นผู้ที่สนใจในการทำขนมเบเกอรี่นั้นก็สามารถเลือกซื้ออุปกรณ์ เบเกอรี่ได้ตามความเหมาะสมของเรา อาจจะเริ่มจากที่ตีไข่สักอัน เตาอบสักตัว พิมพ์ขนม พิมพ์เค้กอีกนิดหน่อย แค่นั้นก็สามารถทำเบเกอรี่ได้หลายสิบชนิดแล้วค่ะ เพราะอุปกรณ์เหล่านั้นคืออุปกรณ์หลักๆ แล้วถ้าหากใจเรารักจะทำขนมเบเกอรี่แล้วล่ะก็ค่อยๆซื้อเก็บเพิ่มอีกทีละชิ้นสองชิ้น รับรองว่าคุณจะต้องหลงเสน่ห์ของ เบเกอรี่ไปแน่นอนเลยค่ะ 
 อุปกรณ์ เบเกอรี่

วันพฤหัสบดีที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2557

มาตตรฐานบรรจุภัณฑ์ เบเกอรี่

บรรจุภัณฑ์เบเกอรี่ในปัจจุบัน
สำหรับบรรจุภัณฑ์เบเกอรี่ในปัจจุบัน  ที่ถือได้ว่ามีหลากหลายรูปแบบด้วยกัน  เพื่อให้เกิดความสวยงามทางด้านภายนอก ก่อนที่ผู้รับเบเกอรี่จะได้ชื่นชมจากเบเกอรี่ที่มีความสวยงามเหมือนกับแอบแฝงอยู่ภายในบรรจุภัณฑ์เบเกอรี่ที่ได้รับ  การสร้างสรรค์บรรจุภัณฑ์เบเกอรี่ให้มีความสวยงาม จึงถือได้ว่ามีความจำเป็นไม่ใช่น้อย  อย่างน้อยความสวยงามจากบรรจุภัณฑ์เบเกอรี่ก็เป็นสิ่งหนึ่งที่สามารถทำให้ผู้รับเบเกอรี่มีความสุขเมื่อได้รับถึงมือ
บรรจุภัณฑ์เบเกอรี่ ส่วนใหญ่ตามท้องตลาดทั่วไป ถือได้ว่ามีหลากหลายลวดลายให้ได้เลือกสรรเพื่อนำไปใช้  แต่สิ่งหนึ่งที่บรรจุภัณฑ์เบเกอรี่มีก็คือขนาด และสัดส่วนสำหรับเบเกอรี่แต่ละขนาดที่จะทำการบรรจุลงกล่อง  ไม่ว่าจะเป็นเบเกอรี่ขนาดครึ่งปอนด์  ขนาด 1 ปอนด์ ขนาด 2 ปอนด์ และ ขนาดใหญ่สุด 3 ปอนด์  ซึ่งบรรจุภัณฑ์ส่วนใหญ่จะต้องมีความเป็นมาตรฐาน  และบรรจุภัณฑ์เบเกอรี่ทุกชนิดจำเป็นที่จะต้องได้ผ่านกระบวนการการผลิตที่เหมาะสม  ด้วยเครื่องจักรอันทันสมัย  ความดึงดูดและเป็นจุดเด่นของบรรจุภัณฑ์เบเกอรี่ส่วนใหญ่จะอยู่ที่ทรวดทรงของบรรจุภัณฑ์ที่มีความสวยงาม  การออกแบบลวดลายเพื่อความสวยงามในการนำไปใช้สอย  จึงมีความจำเป็นเข้ามาทันที   เพราะอย่างน้อยบรรจุภัณฑ์เบเกอรี่ก็สามารถนำไปใส่อาหารเครื่องดื่มเพื่อจำหน่ายได้อย่างหลากหลายเลยทีเดียว   ตามท้องตลาดทั่วไปบรรจุภัณฑ์เบเกอรี่จะมีจัดจำหน่ายหลากหลายขนาดให้เลือกเพื่อเหมาะสมกับการนำไปบรรจุเครื่องดื่มทั้งรอนและเย็น  หรือแม้กระทั่งเบเกอรี่ต่าง ๆ ที่มีความเหมาะสมและเข้ากัน   โดยที่บรรจุภัณฑ์เบเกอรี่จะมีจัดจำหน่ายในราคามาตรฐานและราคาย่อมเยาว์  ทั้งราคาขายส่งและราคาขายปลีก  
บรรจุภัณฑ์ เบเกอรี่


และในปัจจุบันนอกจากบริษัทหรือร้านค้าที่ให้บริการทางด้านบรรจุภัณฑ์เบเกอรี่ นอกจากจะมีแบบบรรจุภัณฑ์เบเกอรี่ให้ลูกค้าได้ทำการเลือกสรรแล้ว   การให้บริการจัดทำบรรจุภัณฑ์เบเกอรี่ตามแบบที่ลูกค้าต้องการ  ก็มีจัดทำขึ้นอย่างมากมาย  โดยที่การผลิตจะเน้นย้ำไปทางด้านสร้างประโยชน์ในการนำไปใช้งานให้กับลูกค้าได้อย่างสูงสุด  และกระดาษซึ่งถือได้ว่าเป็นวัตถุดิบสำคัญในการจัดทำบรรจุภัณฑ์นั้น  จะต้องมีความสะอาดและมีความเหมาะสมอย่างที่สุด

วันพฤหัสบดีที่ 2 มกราคม พ.ศ. 2557

ขั้นตอนการทำ เค้กโรล เพ้นลาย

วัตถุดิบ อุปกรณ์ เบเกอรี่ ทั้งหมดต้องชั่งตวงให้เรียบร้อย
·       ตัวเค้ก
§  ไข่ไก่ 4 ฟอง ใช้ไข่ไก่ขนาดกลาง หรือจะใช้ไข่ไก่ขนาดใหญ่ก็ได้ไม่มีปัญหา แยกเป็นไข่ขาว 1 ฟอง ไข่ขาว 3 ฟอง และไข่แดง 3 ฟอง จะเหลือไข่แดง 1 ฟอง ไม่ใช้
§  น้ำตาลทรายป่นละเอียด 65 กรัม จะใช้แบบละเอียดหรือหยาบก็ได้ แต่ในที่นี้ใช้น้ำตาลทรายป่นละเอียด
§  น้ำเปล่า 60 มิลลิลิตร
§  น้ำมันสลัด 40 มิลลิลิตร
§  กลิ่นวานิลลา เล็กน้อย
§  แป้งเค้ก (สำหรับเนื้อเค้ก) 80 กรัม
§  แป้งเค้ก (สำหรับวาด) 1 ช้อนชา (แบ่งเป็น 2 ส่วน ส่วนละ ½ ช้อนชา)
§  แป้งข้าวโพด 1 ช้อนชา
§  สีผสมอาหาร (สีแดง) 1/8 ช้อนชา เติมน้ำประมาณ ¼ ช้อนชา ผสมเล็กน้อย หากใช้สีผสมอาหารที่ได้จากวัตถุดิบธรรมชาติ น้ำหนักสีจะนุ่มนวลกว่า
·       น้ำเชื่อม
§  น้ำตาล 10 กรัม
§  น้ำร้อน 20 มิลลิลิตร
§  ไวน์ส้ม ½ ช้อนโต๊ะ ถ้าหากไม่มีไวน์ส้ม ไม่ต้องไส่ก็ได้
·       ครีม
§  วิปปิ้งครีม 150 มิลลิลิตร
§  น้ำตาลทราบป่นละเอียด 14 กรัม
§  กีวี กล้วยหอม อย่างละ ¼ ลูก
§  ลูกพีชเหลือง 1 ชิ้น แนะนำให้ใช้วิปปิ้งครีมที่มีส่วนประกอบของไขมันประมาณ 40-47% เพราะจะตีให้ขึ้นฟูได้ง่าย


หลังจากปูกระดาษรองอบบนถาดรองอบเรียบร้อยแล้ว ให้ใช้ผ้าชุบน้ำมันสลัดทาเคลือบ บาง ๆ หนึ่งชั้น
§  ตัดมุมทั้ง 4 ของกระดาษรองอบออกไปเพื่อให้แนบพอดีกับถาดอบ
§  หากทาน้ำมันสลัดไว้ก่อน จะทำให้ส่วนที่เป็นรูปภาพไม่ติดกับกระดาษสามารถลอกได้ง่าย
เตรียมช้อนชาไว้ 2 ช้อน
§  ช้อนที่มีปลายค่อนข้างแหลมเหมาะแก่การวาดภาพมากเปิดเตาอบไว้ล่วงหน้าที่อุณหภูมิ 170 องศาเซลเซียส
ผสมแป้งจากไข่แดง
1.             ตีไข่แดง 3 ฟอง ลงในชามผสม ใส่น้ำตาลทรายป่นลงไปประมาณครึ่งหนึ่ง (35 กรัม) ใช้เครื่องตีไฟฟ้าจนขึ้นฟู จากนั้นเติมน้ำเปล่า น้ำมันสลัด และกลิ่นวนิลลา คนผสมให้เข้ากัน ใส่น้ำเปล่า น้ำมันสลัด และ กลิ่นวานิลลาลงไปในส่วนผสม
2.             ร่อนแป้งเค้กใส่ลงไป เปิดเครื่องตีไฟฟ้าระดับสูงสุด ตีผสมจนกระทั่งแป้งเริ่มเข้ากันมีลักษณะข้นหากในขั้นตอนนี้เราตีส่วนผสมเต็มที่ แป้งจะขึ้นรูปดี ตัวเค้กที่ออกมาก็จะมีเนื้อนุ่มและยืดหยุ่น เวลาม้วนไม่แตกง่าย สังเกตดูว่าเมื่อยกตะกร้อขึ้นแป้งจะย้อนตามเป็นเส้น เกิดริ้วบนผิวแป้ง
3.             เตรียมชามเล็ก 2 ใบ แบ่งแป้งจากไข่แดงที่ผสมเรียบร้อยแล้ว 2 ช้อนชา ลงในชามแต่ละใบ แล้วร่อนแป้งเค้ก ½ ช้อนชา ใส่ลงไปจากนั้นก็ผสมให้เข้ากัน การเติมแป้งเค้กลงไปเพื่อให้ส่วนผสมเกาะตัว ง่ายต่อการวาด
4.             นำสีผสมอาหารสีชมพูไปละลาย แล้วหยดใส่ชามแป้ง 1 ใบ ในขั้นตอนที่ 3 เล็กน้อย ใช้สำหรับวาดสีชมพูอ่อน ส่วนชามอีก 1 ใบ ให้ใส่สีผสมอาหารมากหน่อยใช้สำหรับวาดสีชมพูเข้ม ภาพเปรียบเทียบความเข้ม-อ่อนของสีชมพู เนื่องจากสีผสมอาหารติดสีง่าย ละลายลงไปแค่นิดเดียวก็พอแล้ว
5.             ใช้เครื่องตีไฟฟ้าตีไข่ขาว 1 ฟอง ในชามผสมอีก 1 ใบ จนเป็นเงามันวาว และตั้งยอด จากนั้นโรงแป้งข้าวโพด 1 ช้อนชา ๆ ลงไป แล้วตีให้เป็นเนื้อครีม ฟองครีมที่เกิดจากการตีไข่ขาวเรียกว่า ครีมไข่ขาว การใส่แป้งข้าวโพดลงไปทำให้ฟองครีมไม่แตกตัวง่าย คนผสม
6.             แบ่งครีมไข่ขาวออกเป็น 3 ส่วน นำ 2 ส่วนแบ่งไปใส่ในชาม 2 ใบ ของขั้นตอนที่ 4 จากนั้นคนให้เข้ากันเป็นเนื้อเดียว คนผสมจนกระทั่งไม่เหลือส่วนที่เป็นไข่ขาว และส่วนผสมเกิดความมันวาว
7.             ใช่ช้อนชาตักส่วนผสมสีชมพูเข้มหยดลงบนกระดาษ ให้เป็นรูปวงกลมขนาดประมาณ 1 เซนติเมตร หยดเรียงกัน 2 หยด จากนั้นใช้ปลายช้อนปาดด้านล่างวงกลมทำเป็นรูปหัวใจ ตั้งปลายช้อนให้ตรง หยดส่วนผสมลงไปเบา ๆ หากวาดด้านที่ใกล้ตัวเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็หมุนถาดรองอบแล้ววาดรูปในทิศทางตรงกันข้าม
8.             นำส่วนผสมสีชมพูอ่อนวาดรูปหัวใจด้วยวิธีการเดียวกัน จากนั้นนำไปใส่ในตู้อบที่เปิดอุณหภูมิไว้ที่ 170 องศาเซลเซียส เวลา 1 นาที เมื่อวาดเสร็จควรนำเข้าเตาอบทันที เพื่อไม่ให้ฟองครีมแตกตัว หากผิวด้านหน้าแห้งตามภาพก็ถือว่าถูกต้อง แต่หากยังไม่แห้งทั้งหมด ให้อบเพิ่มครั้งละ 30 นาที คอยสังเกตดูจนกว่าผิวหน้าของแป้งจะแห้งสนิท รูปภาพที่อบมาก่อนหากแห้งไม่พอ เวลาเทส่วนผสมทับลงไปบนภาพอาจทำให้ภาพเสียรูปได้ตีไข่ขาวสำหรับทำตัวเค้กให้ฟู (ครีมไข่ขาว)
ตีไข่ขาวสำหรับทำตัวเค้กให้ฟู(ครีมไข่ขาว)
9.             ตีไข่ขาว 3 ฟอง ในชามผสมจนไข่ขาวขึ้นฟูและข้น ใส่น้ำตาลทรายป่นละเอียดที่เหลือจากขั้นตอนที่ 1 ลงไป (ประมาณ 30 กรัม) คนให้เข้ากันจนเริ่มมันเงา จากนั้นใส่แป้งข้าวโพดที่เหลือแล้วตีจนตั้งยอด ตีครีมไข่ขาวจนกระทั่งมีลักษณะขึ้นฟูตั้งยอดอ่อน เมื่อคว่ำอ่างผสมแล้วส่วนผสมไม่ไหลลงมาในทันทีก็ถือว่าใช้ได้
ผสมแป้งจากไข่แดงกับไข่ขาว (ครีมไข่ขาว) เข้าด้วยกัน
10.      นำครีมไข่ขาวที่เหลือจากการใช้วาดรูปใส่เข้าไปในส่วนผสมขั้นตอนที่ 9 แล้วนำครีมไข่ขาวทั้งหมดใส่ลงไปในแป้งไข่แดงของขั้นตอนที่ 1 โดยแบ่งใส่ 3 ครั้ง เปิดเครื่องตีไฟฟ้าระดับแรงสุด ตีจนกระทั่งไม่มีส่วนของครีมไข่ขาวเหลืออยู่ และเนื้อแป้งเป็นมันวาวที่เห็นเป็นเม็ด ๆ ฟอง ๆ ก็คือส่วนที่เป็นไข่ขาว ต้องกดให้แตก เมื่อใช้พายยางเทแป้งจะไหลเป็นเส้น เกิดริ้วที่ผิวแป้งก็ถือว่าใช้ได้
เทส่วนผสมลงไปในถาดอบ
11.      เทส่วนผสมลงไปในถาดอบที่อบลวดลายเรียบร้อยแล้ว เกลี่ยผิวแป้งให้เรียบเสมอกันเคาะถาดอบสัก  2-3 ครั้ง เพื่อไล่อากาศออก ใช้มือเคาะที่ก้นถาดอบก็ได้เช่นกัน เพื่อป้องกันไม่ให้ผิวเค้กที่อบเสร็จแล้วมีโพรงอากาศ
อบเค้ก
12.      นำเข้าอบด้วยอุณหภูมิ 170 องศาเซลเซียส เป็นเวลา 14 นาที ใช้ไม้จิ้มฟันเสียบลงไปในเนื้อเค้กดู ถ้าไม่มีแป้งติดออกมาถือว่าเสร็จเรียบร้อย เมื่อนำเค้กออกมาจากตู้อบ เค้กจะเป็นสีน้ำตาลอ่อนดังในภาพ

พลิกหน้าเค้กขึ้น พักไว้ให้เย็น
13.      คลุมกระดาษรองอบด้านบนตัวเค้กที่อบเสร็จ คว่ำถาดอบลงบนตะแกรง แล้วนำถาดอบออก ถ้าไม่มีตะแกรงพักเค้กให้วางบนตะแกรงธรรมดา (ดังในภาพ) ก็ได้ตะแกรงพักคุณภาพดีจะทำให้คลายความร้อนด้านล่างได้เร็วขึ้น
14.      ดึงกระดาษรองอบบนผิวเค้กออกทันที แล้ววางกระดาษรองอบคลุมกลับลงไปอีกครั้ง รอให้เค้กเย็นตัวลง ถึงช่วงเวลาได้ยลโฉมรูปภาพกันแล้ว! ถ้าหากไม่คลุมกระดาษรองอบกลับลงไปใหม่ทันทีล่ะก็ผิวหน้าของเค้กจะแห้งได้ ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เค้กมีรอยแตกเวลาม้วน วางพักไว้ประมาณ 15 นาที จนกระทั่งเค้กไม่มีความร้อนเหลืออยู่
15.      ใส่วิปปิ้งครีมกับน้ำตาลทรายป่นละเอียดลงไปในชามผสมแล้วตีให้เข้ากันจนฟู (ตั้งยอดแข็ง) วิปปิ้งครีมที่มีส่วนประกอบของไขมันในนมไม่เท่ากัน ก็ขึ้นฟูได้ยาก-ง่าย ต่างกันด้วย ให้ตีจนกระทั่งเนื้อครีมเกาะตัวตั้งยอดแข็ง หากใช้เวลาตีนานเกินไปอาจทำให้ไขมันแตกตัว ต้องระวังให้ดี
ทำน้ำเชื่อม
16.      ละลายน้ำตาลทรายกับน้ำร้อน รอให้เย็น แล้วใส่ไวน์ส้มเข้าไปผสม สามารถใช้น้ำตาลทรายป่นละเอียดแทนได้ แต่เมื่อเทียบกันแล้ว ใช้น้ำตาลทรายจะได้น้ำเชื่อมที่ชุ่มคอมากกว่า
17.      เอากระดาษรองอบที่คลุมอยู่เดิมออก เปลี่ยนแผ่นใหม่ พลิกเค้กให้ด้านที่เป็นรูปอยู่ด้านล่าง แล้วลอกกระดาษรองอบด้านหลังออก จากนั้นตัดขอบเค้กด้านที่อยู่ใกล้ตัวออก การตัดขอบเค้กออกทำให้จุดเริ่มต้นกับจุดสุดท้ายม้วนออกมาได้อย่างสวยงาม
18.      ใช้มีดบากเป็นรอยบาง ๆ บนเนื้อเค้กให้ห่างกันประมาณ 2 เซนติเมตร จากนั้นใช้แปรงทาน้ำเชื่อมลงบนเค้กให้ทั่ว การทำรอยบากบาง ๆ บนผิวเค้ก จะทำให้ผิวเค้กม้วนไม่แตกง่าย ออกมาสวยงาม น้ำเชื่อมแค่ทาให้ทั่วเค้กก็พอ ไม่ต้องใช้หมดก็ได้

ทาครีม
19.      ปาดครีมสดลงบนเนื้อเค้ก เหลือขอบด้านหน้าไว้ ประมาณ 3 เซนติเมตร จากนั้นจัดผลไม้เรียงลงไป วางผลไม้เป็นแถวห่างกันดังภาพ เวลาม้วนเสร็จแล้วตัดออกมา หน้าตัดจะดูสวยงาม
ม้วนเค้ก
20.      ยกกระดาษรองอบกับตัวเค้กด้านใกล้ตัวขึ้นมาพร้อมกัน ดึงตัวเค้กไปด้านหน้า ห่อผลไม้ไว้ เมื่อกดแน่นดีแล้วค่อย ๆ ม้วนส่วนที่เหลือไปข้างหน้าจนหมด ม้วนให้แน่น ใช้นิ้วหัวแม่มือและนิ้วชี้จับหัวกระดาษด้านหนึ่งยกขึ้นแล้วม้วนให้แน่น เมื่อจับแน่นดีแล้วค่อยดึงกระดาษที่ม้วนเข้าไปออกมา แล้วม้วนเค้กที่เหลือต่อไป
21.      บิดปลายกระดาษทั้งสองด้านให้แน่นแล้วนำใส่ตู้เย็น ประมาณ 1 ชั่วโมง ขึ้นไป ก็เป็นอันเสร็จ การทำเช่นนี้จะทำให้ตัวเค้กกับครีมสดติดแน่นเข้ากันดี เค้กดูน่ากินยิ่งขึ้น บิดปลายกระดาษให้เหมือนลูกกวาด แบบนี้ แช่เย็นไว้ 1 คืน เพื่อรสชาติที่ดียิ่งขึ้น
เสร็จเรียบร้อย
22.      ใช้มีดลวกน้ำร้อนตัดปลายเค้กโรลทั้งสองด้านให้เรียบร้อยหลังจากลวกมีดด้วยน้ำร้อน จะทำให้ตัดออกมาได้อย่างสวยงาม แม้แต่ส่วนที่เป็นครีมสด
ให้เป็นของขวัญ
                ห่อด้วยกระดาษบางใส  เป็น บรรจุภัณฑ์ เบเกอรี่ แบบง่ายง่ายให้มองเห็นลาย ยิ่งเพิ่มความน่ารัก ผูกโบว์ที่มีสีเข้ากันกับลายโรลเข้าไปหน่อยก็เรียบร้อย
ใส่เทคนิคการตกแต่งเพิ่มเข้าไป ก็ทำให้เค้กโรลดูหรูหราขึ้นเยอะ

บีบครีมสดตกแต่งบนเค้กโรล ไม่ก็วางผลไม้หรือช็อกโกเลตเข้าไปก็ทำให้เค้กดูดียิ่งขึ้น